เดือน: มีนาคม 2021

          ปัญหาเกี่ยวกับเพื่อนบ้านไม่ว่าจะอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามกันหรือแม้แต่อยู่บ้านติดกันเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นเกือบทุกหมู่บ้านที่มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันไม่ว่าจะเป็นทะเลาะเพราะเรื่องของการจอดรถเหลืองดำที่กันหรือจอดรถขวางหน้าบ้านกัน

รวมถึงการปลูกต้นไม้รำไปในเขตของเพื่อนบ้านและการเสียงดังไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือแม้แต่การเปิดเพลงก็ตามซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่มีมานานหลายปี

แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขกันได้ยังคงมีเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันแบบนี้อยู่เป็นประจำอย่างล่าสุดผู้ที่ก่อเหตุนั้นก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เมื่อเจ้าหน้าที่ 191 ได้รับแจ้งเหตุจากประชาชนว่ามีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาหยิ่งคนในบ้านได้รับบาดเจ็บ

อีกทั้งยังเข้ามาชกต่อยคนภายในบ้านซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ 191 นั้นก็ได้มีการประสานงานไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ให้มาดูจุดเกิดเหตุซึ่งก็พบว่าเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันในครั้งนี้เกิดขึ้น

เพราะว่าบ้านที่มีคนเจ็บนั้นมีการเปิดเพลงเสียงดังผู้ก่อเหตุที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านผู้ก่อเหตุนั้นได้เดินเข้ามาพร้อมกับใช้ปืนยิงเข้ามาภายในบ้านซึ่งหลายคนไม่แน่ใจว่าต้องการที่จะยิงขู่หรือไม่แต่อย่างไรก็ตามพ่อของคนที่เปิดเพลงเสียงดังได้เดินออกไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้พูดจากันดีๆ

ไม่อยากจะให้ใช้ปืนแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับใช้ปืนที่อยู่ในมือนั้นยิงใส่เจ้าของบ้านไป 2 นักจนได้รับบาดเจ็บอีกทั้งยังเข้ามาชกต่อยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วยซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีเพื่อนบ้านหลายคนเห็นเหตุการณ์และเข้ามาช่วยกันห้ามปรามอีกทั้งลูกสาวเจ้าของบ้านที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้มีการถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้เป็นหลักฐาน

ตอนนี้ทางผู้บาดเจ็บเองถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วและผู้ก่อเหตุที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน

        สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากเพื่อนบ้านแต่ละคนนั้นอยู่ด้วยกันแบบค่อยทีถ้อยอาศัยบ้านที่เปิดเพลงก็ไม่ควรเปิดเพลงเสียงดังมากจนเกินไปควรเปิดเฉพาะที่เราฟังหรือถ้าหากเราอยากได้ฟังเสียงดังๆก็ควรจะใช้เป็นหูฟังจะได้ไม่ส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้านในขณะเดียวกัน

เพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงเพลงดังก็ควรจะมีการพูดดีๆมีการว่ากล่าวตักเตือนกันซึ่งถ้าหากทนไม่ไหวจริงๆก็ให้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้มาทำการตักเตือนไม่ควรใช้อารมณ์รุนแรงในการตัดสินปัญหาแบบนี้

สนับสนุนโดย.    เล่นบาคาร่าออนไลน์ฟรีไม่ต้องฝาก

           หลังจากที่ทาง สบค. ได้มีการประกาศออกมาว่าวันที่ 15 เดือนมิถุนายน ที่กำลังจะถึงนี้จะมีการผ่อนปรนให้กับสถานบันกวดวิชา และโรงเรียนขนาดเล็ก รวมถึงโรงเรียนกลุ่มนานาชาติให้สามารถเปิดการเรียนการสอนได้แล้ว ทางด้าน ศาสตราจารย์  นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าการที่สถาบันกวดวิชาจะเปิดให้นักเรียนไปนั่งเรียนได้ตามปกติแล้วนั้นมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกิดความเสี่ยงต่อตัวเด็กนักเรียนเนื่องจากว่าพื้นที่ห้องเรียนในสถาบันกวดวิชาส่วนใหญ่นั้นอยู่ในห้างสรรพสินค้าและพื้นที่ห้องเรียนส่วนใหญ่ของในห้างนั้นก็จะมีห้องที่ไม่มีขนาดใหญ่มากนักแถมเด็กแต่ห้องนั้นก็จะมีจำนวนมากขึ้น

ทำให้เวลาที่เด็กนักเรียนนั้นจะทำให้อัดทำให้คุณหมอยง นั้นมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปจากทาง สบค.  โดยมองว่าการที่รัฐบาลเปิดให้โรงเรียนตามต่างจังหวัดซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนไม่เกิน 120 คนสามารถเปิดให้บริการได้นั้นสามารถเปิดให้บริการได้เพราะความต่างจังหวัดก็จะมีสาธารณสุขของจังหวัดคอยดูแลและให้บริการเด็กนักเรียนได้อยู่แล้ว

แต่ในขณะเดียวกันถ้าเป็นโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่การดูแลเด็กนักเรียนในสถาบันการศึกษาสถาบันกวดวิชาต่างๆนั้นค่อนข้างที่จะควบคุมลำบากถึงแม้จะมีการกำหนดว่าให้มีการเว้นระยะห่างกันให้เด็กนักเรียนนั้นไม่นั่งเรียนใกล้ชิดกันรวมถึงให้มีการควบคุมจำนวนเด็กนักเรียนที่เข้าห้องเรียนและกำหนดเวลาตารางเรียนกันใหม่ไม่มีการสลับกันเรียนแต่อย่างไรก็ตามก็ยังส่งผลต่อเด็กนักเรียนได้เช่นเดียวกันสำหรับเชื้อโรคที่ชื่อว่า covid นี้เนื่องจากว่าเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าปกติแล้วสถาบันกวดวิชาต่างๆนั้น

มักจะเปิดอยู่ในห้างสรรพสินค้าอยู่แล้วซึ่งแน่นอนว่าในห้างนั้นก็จะมีคนหนาแน่นส่วนหนึ่งสำหรับคนที่เข้ามาช้อปปิ้งซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่แน่นอนว่าเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นมักจะเกิดกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็กและยิ่งเราปล่อยให้เด็กไปเรียนสถาบันกวดวิชาซึ่งในห้องเรียนนั้นก็มีเพื่อนนักเรียนเรียนกันหนาแน่นเด็กยังต้องออกมาเจอผู้ปกครองคนอื่นๆที่ไปช้อปปิ้งในห้าง

ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างมากที่อาจจะทำให้เชื้อไวรัสนั้นติดมาส่งเด็กนักเรียนเหล่านั้นได้การที่ปล่อยให้เด็กนักเรียนไปเรียนตามสถาบันกวดวิชาต่างๆได้ในช่วงเวลานี้จึงถือว่าไม่เป็นผลดีต่อตัวเด็กนักเรียนเองถึงแม้ว่าเราจะมีการวางกฎระเบียบเรื่องของสุขภาพอนามัยการใส่หน้ากากอนามัยและบังคับให้สถาบันกวดวิชาดูแลเด็กนักเรียนอย่างเคร่งครัด

แต่อย่างไรก็ตามเด็กก็คือเด็กเพราะเมื่อถึงเวลาจริงๆแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็อาจจะรู้สึกอึดอัดจากการที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาอาจจะมีการเผยแพร่หน้ากากอนามัยรวมถึงการใช้มือไปตับสิ่งของต่างๆโดยที่ไม่ได้ล้างมือหรือไม่ได้ใช้เจลล้างมือและนี่จะเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเป็นจำนวนมากได้เช่นกัน

สนับสนุนโดย  บาคาร่าออนไลน์สด