เหตุการณ์ยุติหลังสงครามเย็น

หลังจากประเทศจีนได้ก่อตั้งสาธารณรัฐจนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์สามารถยึดครองอำนาจและปกครองประเทศได้อย่างสำเร็จ  เหตุการณ์ยุติหลังสงครามเย็น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลงประเทศจีนภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนา 

ซึ่งประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชนบทมีรายได้ต่ำแม้ในสมัยผู้นำ เหมาเจ๋อตุง จะมีการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยนโยบายก้าวกระโดดไกลแต่นโยบายดังกล่าวก็ได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจนมาถึงสมัยเติ้งเสี่ยวผิง ผู้ผักดันนโยบายทุนนิยมที่ควบคู่ไปกับสังคมนิยมพร้อมกับใช้นโยบายทัน4สมัยอันได้แก่เกษตรอุตสาหกรรม การทหารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมไปถึงอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน

โดยได้ตั้งหน่วยเศรษฐกิจพิเศษชายฝั่งทะเลพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการปรับปรุงภาษีกฎหมายต่างๆเติ้งเสี่ยวผิงยังคงเตรียมการต้อนรับฮ่องกงและมาเก๊าคืนจากอังกฤษและโปรตุเกสซึ่งจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนในคริสต์ศักราช 1997 และคริสต์ศักราช 1999 ตามลำดับ

เหตุการณ์ยุติหลังสงครามเย็น ซึ่งดินแดนทั้งสองนั้นมีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทำให้เกิดความกังวลว่าวิถีชีวิตและระบบเศรษฐกิจของทั้งสองเขตจะต้องกลับไปคืนสู่ประเทศจีน นอกจากนี้เติ้ลเสี่ยวผิงจึงได้คิดนโยบายหนึ่งประเทศสองระบบ One Country Two Systems ขึ้นมาเพื่อให้ดินแดนทั้งสองมั่นใจได้ว่าระบบเศรษฐกิจในรูปแบบทุนนิยมของทั้งสองนั้นจะยังคงอยู่ต่อไป 

แม้จะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลจีนก็ตามตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมาเศรษฐกิจของประเทศจีนก็ได้เพิ่มขึ้นและเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา 

นอกจากนี้ประเทศจีนได้กลายเป็นตลาดใหญ่ของการลงทุนศูนย์กลางการเงินและสินค้าโภคภัณฑ์ของโลกมีกำลังส่งออกนอกประเทศอย่างเต็มกำลังทุกรูปแบบเสมือนโรงงานของโลกจนสหรัฐอเมริกาสหภาพยุโรปย้ายฐานผลิตด้านอุตสาหกรรมมาไว้ที่ประเทศจีนส่งผลทำให้การลงทุนต่างประเทศ มาอยู่ที่ประเทศจีนมีแนวโน้มว่าในคริสต์ศักราช 2020 เศรษฐกิจจีนจะแซงสหรัฐอเมริกาขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกเพราะจีนสะสมความมั่งคั่งไว้มีทุนสำรองตัวเองไว้ซื้อกิจการและขยายบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศอาทิเช่นเยอรมนี

โดยประเทศจีนได้เข้าไปซื้อบริษัททั้งหมดด้วยเงินเพียง 1 ใน 3 ของเงินทุนสำรองที่คาดว่ามีมูลค่าถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

จีนมีศักยภาพพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระดับโลกทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมอาทิเช่นเหมืองแร่ถลุงเหล็กถ่านหินอุปกรณ์ก่อสร้างปิโตรเลียมซีเมนต์ปุ๋ยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมรถยนต์ที่จีนได้ก้าวกระโดดล้ำหน้าจนกลายมาเป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ของโลกที่รองจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกเข้าร่วมผลิตรถยนต์ประเภทต่างๆพร้อมส่งออกอะไหล่รถยนต์ด้วยสำหรับด้านเกษตรกรรมผลิตและส่งออกมากขึ้นทั้งพืชและสัตว์จีนสามารถผลิตได้มากกว่าสหรัฐอเมริการ้อยละ 30 และในอนาคตคาดว่าสามารถจะเพิ่มผลผลิตได้มาก 

เพราะใช้เทคโนโลยีปุ๋ยสินค้าทุนและกิจการภาคส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนส่งผลทำให้จีนมีทุนสำรองส่งออกระหว่างประเทศมากที่สุดในโลกในรูปของเงินเหรียญสหรัฐและพันธบัตรรัฐบาล

 

สนับสนุนโดย.  สมัคร บาคาร่า ufabet